เริ่มแล้ว! ภาษี “ทรัมป์” มีผลบังคับใช้ เปิดฉากระบบการค้าโลกยุคใหม่

07 สิงหาคม 2568
เริ่มแล้ว! ภาษี “ทรัมป์” มีผลบังคับใช้ เปิดฉากระบบการค้าโลกยุคใหม่

ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ (7 สิงหาคม) เวลา 00.01 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 50% ทำให้อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ พุ่งสูงที่สุดในรอบศตวรรษ และเป็นการเปิดฉากยุคใหม่ของการแข่งขันทางการค้าที่ดุเดือด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดภาษีตอบโต้สำหรับสินค้าหลากหลายชนิดจากหลายประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าของสหรัฐฯ ก่อนที่ในเวลาต่อมา ปธน.ทรัมป์จะประกาศชะลอการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวออกไป 90 วันเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม พร้อมเปิดทางให้ประเทศต่าง ๆ เจรจาต่อรองภาษีได้ ซึ่งผลปรากฏว่า สหราชอาณาจักรและเวียดนามเป็นสองชาติแรกที่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ก่อนเส้นตายดังกล่าว ทำให้อัตราภาษีของทั้งสองประเทศลดลงมาจากเดิม ขณะเดียวกัน การคว้าดีลของสองประเทศสร้างแรงกดดันไม่น้อยให้ประเทศอื่น ๆ ที่ยังเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ไม่สำเร็จ เพราะเท่ากับว่าประเทศของตนจะเสียเปรียบในการแข่งขัน.

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะถึงเส้นตายเพียงไม่กี่วันคือในวันที่ 7 กรกฎาคม ปธน.ทรัมป์ขีดเส้นตายใหม่ในการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม และยังได้เริ่มทยอยส่งจดหมายถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ เพื่อแจ้งอัตราภาษีใหม่ ซึ่งบางประเทศก็ได้รับข่าวดี อัตราภาษีลดลง แต่บางประเทศต้องช้ำหนักกว่าเดิม เพราะถูกขู่เก็บภาษีเพิ่ม

จนกระทั่งวันที่ 31 กรกฎาคม ก่อนถึงกำหนดเส้นตายวันเดียว ในที่สุดปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) ประกาศใช้อัตราภาษีใหม่ และกำหนดมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568

ทั้งนี้ ในการประกาศเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม มีประเทศคู่ค้าอยู่ในรายชื่อรวม 69 ประเทศ โดย 8 ประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีจากประกาศเดิม ส่วนประเทศที่เหลืออีก 61 ประเทศนั้น มี 19 ประเทศที่อัตราภาษีเพิ่มขึ้น และ 42 ประเทศที่ลดลง

ภัยคุกคามจากมาตรการภาษีดังกล่าวได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับธุรกิจในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยนับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเขาเรียกว่าวัน “Liberation Day” เศรษฐกิจการค้าทั่วโลกต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อขอปรับลดภาษีจากสหรัฐฯ

โจเซฟ แฮร์ริส นักวิเคราะห์นโยบายการคลังจากมูลนิธิจอห์น ล็อก กล่าวว่า ตั้งแต่การประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม อัตราภาษีโดยเฉลี่ยสำหรับประเทศคู่ค้านั้นลดลงจาก 25% เหลือ 19% โดยในบรรดาประเทศที่ได้รับการลดภาษีลงอย่างมีนัยสำคัญนั้นรวมถึงกัมพูชา ที่ลดลงจาก 49% เหลือ 19% และเวียดนาม จาก 46% เหลือ 20% ในทางกลับกัน สวิตเซอร์แลนด์ถูกกำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 31% เป็น 39%

นอกจากนี้ อินเดียกำลังจะเผชิญกับภาษีเพิ่มเติมอีก 25% ทำให้รวมเป็นอัตราภาษีทั้งหมด 50% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า หรือวันที่ 27 สิงหาคม ตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ลงนามเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม มาตรการภาษีเพิ่มเติมนี้เป็นผลจากการที่อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

นอกเหนือจากมาตรการภาษีสำหรับแต่ละประเทศแล้ว ยังมีมาตรการภาษี 50% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน รวมถึงภาษี 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายน

ถึงแม้ว่าอัตราภาษีเฉลี่ยโดยรวมจะลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน แต่การบังคับใช้มาตรการในวันนี้ก็ยังถือเป็นการเพิ่มอุปสรรคทางการค้าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับหลายประเทศ ธุรกิจและผู้บริโภคอาจจะเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบในไม่ช้า เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและมีอิทธิพลต่อราคาสินค้าในที่สุด

ข้อยกเว้นและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

สินค้าที่กำลังขนส่งมายังสหรัฐฯ และอยู่บนเรือแล้วจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี

สินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA (ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา) ที่ลงนามในปี 2563 จะได้รับการยกเว้นภาษี

การเก็บภาษี 40% สำหรับสินค้าที่มีการ “ขนส่งผ่าน” ประเทศอื่นที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศต้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี หรือสินค้าสวมสิทธิ์ (transshipment)

ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมเป็นต้นไป จะไม่มีการยกเว้นอัตราภาษี de minimis หรือภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ส่งผ่านทางไปรษณีย์

มาตรการภาษีอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมา

มาตรการต่อรัสเซีย: วันศุกร์นี้ (8 สิงหาคม) จะเป็นเส้นตายสำหรับรัสเซียในการตกลงหยุดยิงกับยูเครน มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับภาษีอย่าง “รุนแรง”

มาตรการต่อประเทศคู่ค้าของรัสเซีย: ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษี “ทุติยภูมิ” สูงถึง 100% กับประเทศที่ทำการค้ากับรัสเซีย รวมถึงประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียอย่าง อินเดีย โดยทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อขึ้นภาษีอินเดียเพิ่มอีก 25% แล้ว แต่จะมีผลในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า และกล่าวว่าอาจมีอีกหลายประเทศที่จะต้องเผชิญมาตรการนี้

มาตรการต่อจีน: การเจรจาทางการค้ากับจีนยังคงดำเนินอยู่ และเจ้าหน้าที่ของทรัมป์ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการขยายเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคม สำหรับการเก็บภาษี 30% กับสินค้าจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าทรัมป์จะไฟเขียวให้ขยายเวลาหรือไม่

มาตรการรายอุตสาหกรรม: มีการขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ายาสูงถึง 250% และภาษีนำเข้าทองแดงบางประเภทที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2570 ส่วนภาษีสำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมได้เริ่มบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)


แหล่งที่มา : อินโฟเควสท์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.